ประเทศไทยของเรามีภาษาเป็นของตนเอง ภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา ส่วนภาษาถิ่นเปรียบเสมือนกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่นั้น ทุกภาคของ ประเทศไทย เช่น ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ล้วนมีภาษาประจำท้องถิ่น นอกจากนั้นยังแยกย่อยลงไปตามท้องถิ่นจังหวัดต่างๆ ได้อีกมาก ภาษาถิ่นของภาคต่างๆ นั้นมีความงดงามไพเราะลึกซึ้งอยู่ในตัว อีกทั้งยังเป็นรากเหง้าของภาษาไทยที่ดี ภาษาในแต่ละท้องถิ่นมีความแตกต่างกันในการออกเสียง การใช้คำและอรรถรส
ภาษาท้องถิ่น หมายถึง เครื่องมือของมนุษย์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร เพื่อทำความเข้าใจระหว่างบุคคลหนึ่งไปสู่บุคคลหนึ่งหรือหลายคนได้ เป็นภาษาที่กลุ่มชนส่วนใหญ่ในภาคอีสานใช้ในการติดต่อสื่อสาร
สภาพทั่วไปของภาษาท้องถิ่นอีสาน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
- ภาษาพูด
ประชากรในภาคอีสานส่วนใหญ่พูดภาษาไทยสำเนียงอีสานซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละท้องที่ แต่ประชากรส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวในปัจจุบันสามารถพูดสำเนียงไทยภาคกลางได้เป็นอย่างดี ภาษาท้องถิ่นแบ่งตามภาษาพูดได้ 3 ประเภท ดังนี้
- กลุ่มไทย-ลาว ใช้กันทั่วๆ ไปในจังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ขอนแก่น อุดรธานี นครพนม หนองคาย เลย ชัยภูมิ หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ และ บางส่วนของจังหวัดสกลนคร ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ และนครราชสีมา
- กลุ่มเขมร ส่วย (กูย, กวย) เยอ ใช้พูดในบางส่วนของจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ น่าจะเป็นภาษาพื้นเมืองเดิมสมัยขอมเรืองอำนาจในภูมิภาคนี้
- กลุ่มไทยโคราชหรือไทยเบิ้ง ใช้พูดในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
นอกจากนี้ยังมีภาษาถิ่นย่อยๆ อีก เช่น ภาษาผู้ไทย ภาษาย้อ ภาษาแสก ภาษาพวน ภาษากะเลิง กะโส้ (ในจังหวัดนครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร) ซึ่งน่าจะเป็นภาษาของชนกลุ่มน้อยที่ถูกเกลี้ยกล่อมอพยพมาจากลาวตอนบน ในสมัยรัชกาลที่ 3
การศึกษาภาษาท้องถิ่นอีสานในครั้งนี้ จะหมายถึงภาษาที่ใช้กันในภาคอีสานที่เป็นภาษาของกลุ่มชนส่วนใหญ่ ที่เรียกว่า ภาษาไทย - ลาว
การใช้คำของภาษาท้องถิ่นอีสานการใช้คำในภาษาท้องถิ่นอีสานเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ภาษาอีสานแตกต่างไปจากภาษา ภาคกลาง เนื่องจากการนิยมใช้คำในการพูดจาสื่อสารในภาคอีสานเป็นไปตามความนิยมและ การรับรู้ของประชาชนในสังคมนั้นๆ ดังตัวอย่าง ดังนี้
- ความหมายเดียวกันภาอีสานและภาคกลางใช้คำต่างกัน
ภาคอีสาน
เว้า เช่น เว้าสาว, ปาก เช่น ปากบ่อเป็น
ตั๊ว เช่น ขี้ตั๊ว – โกหก
บางเทื่อ
เซา
เฮ็ดเวียก
เงี่ยง เอาเงี่ยงไปถอกถิ้ม (เอากระโถนไปเท)
แซบ แซบอีหลี
เสี่ยว
แป้น
ม่วน ม่วนหลาย
ฯลฯภาคกลาง
พูด
ปด โกหก
บางครั้ง บางที
หยุด
ทำ ทำงาน
กระโถน
อร่อย อร่อยมาก
เพื่อนสนิท
ไม้กระดาน
สนุก สนุกมาก
ฯลฯ - คำที่มีความหมายใกล้เคียงกันภาษาอีสานนิยมใช้คำต่างกับภาคลาง
ภาคอีสาน
บางเทื่อ
กกไม้
เบิ่งตากัน
เหิง
เจ็บแข่ว
ญ่าง
แปง (แปลง)
เดือนแจ้ง
ตำ ตำหูก
สิม สีมา
ฯลฯภาคกลาง
บางครั้ง บางที
โคนต้นไม้
สบตากัน
นาน
ปวดฟัน
เดิน
ซ่อม สร้าง
เดือนหงาย
ทอผ้า
โบสถ์
ฯลฯ - ภาษาอีสานและภาษากลางใช้คำเดียวกันแต่ออกเสียงต่างกัน
ภาคอีสาน
ก้า
กาง
กะแย้ง
เข่าโคด
ฟ้าแมบ
โลก
หญ่า
เฮ้า เฮา
เฮือ
ฮัก
ฯลฯภาคกลาง
กล้า
กลาง
แขยง
ข้าวโพด
ฟ้าแลบ
โรค
หญ้า
เรา
เรือ
รัก
ฯลฯ
- ภาษาเขียน
การจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ของกลุ่มชนส่วนใหญ่ในภาคอีสาน (กลุ่มไทย-ลาว) ตัวอักษรที่ใช้ คือ อักษรธรรม (สกุลอักษรมอญ) ใช้จารึกเรื่องราวทางศาสนา และอักษรไทยน้อย (สกุลพ่อขุนรามคำแหง) ใช้บันทึกเรื่องราวต่างๆ ซึ่งต่างไปจากตัวอักษรไทยในภาคกลาง นอกจากนี้ชาวอีสานนิยมใช้ใบลานมากกว่ากระดาษ (ทั้งกระดาษสาและสมุดข่อย) สำหรับตัวอักษรขอมนั้น พบว่า มีการใช้ในสมัยพระนคร หรือขอมโบราณ เมื่อสิ้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1724 - 1762) ขอมเริ่มเสื่อมอำนาจลงจึงไม่ปรากฏหลักฐานทางภาษาขอมใดๆ ต่อเนื่องมาจนกระทั่งเกือบ 300 ปีต่อมา จึงปรากฏวัฒนธรรมไทย- ลาว ในดินแดนแถบนี้แต่ไม่พบว่า กลุ่มวัฒนธรรมไทย-ลาวได้ใช้อักษรขอมในการเขียนหนังสือใดๆทั้งสิ้น ซึ่งต่างจากสุโขทัย ที่ใช้อักษรขอมเขียนทั้งภาษาไทยและภาษาบาลีมาตลอดจนถึงสมัยกรุงเทพฯ
หนังสือโบราณอีสาน มี 3 ประเภท คือ
- หนังสือผูก (หนังสือใบลาน) ได้แก่
- หนังสือผูก คือ หนังสือใบลานที่จาร (เขียน) วรรณกรรมท้องถิ่น ส่วนใหญ่เป็น วรรณกรรมนิทาน เช่น จำปาสี่ต้น นางผมหอม ท้าวก่ำกาดำ ฯลฯ เป็นต้น
- หนังสือก้อม คือ หนังสือใบลานขนาดสั้นประมาณ 1 ฟุต ใช้จดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ของบุคคล เช่น คาถาอาคม ตำราเวทมนต์ บทหมอลำหรือวรรณกรรมสั้นๆ
- หนังสือเทศน์ คือ ใบลานที่บันทึกวรรณกรรมนิทานชาดก หรือคัมภีร์พุทธศาสนาอื่นๆ หนังสือเทศน์จะมีขนาดยาวกว่าหนังสือผูกและหนังสือก้อม
- หนังสือเจี้ย (สมุดข่อย) คือ หนังสือที่เขียนลงบนกระดาษข่อย (สมุดข่อย) ซึ่งพบจำนวนน้อยมาก การใช้หนังสือเจี้ยจะใช้ในสมัยที่ได้เรียนรู้จากตำราทางวิชาการจากภาคกลางแล้ว นอกจากการบันทึกด้วยตัวอักษร บางฉบับจะมีภาพประกอบด้วย
- หนังสือเจียง (อักษรจารในติวไม้ไผ่) คือ หนังสือที่บันทึกลงในติวไม้ไผ่ (ผิวหรือเปลือกนอก) ร้อยด้วยเชือกให้ติดกันเป็นแผง (เหมือนชาวจีนเขียนหนังสือตำราในติวไม้ไผ่สมัยโบราณ) เรื่องราวที่บันทึกนั้นเป็นคำเซิ้ง โดยเฉาะคำเซิ้งบั้งไฟ หรือเซิ้งในพิธีกรรมต่างๆ
- หนังสือผูก (หนังสือใบลาน) ได้แก่
ที่มา http://online.benchama.ac.th/social/kanokporn/les3_01.html